เรื่อง การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับพนักงาน, ผู้สมัครงาน และผู้ฝึกงาน (ฉบับแก้ไข)
บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ (เอพี กรุ๊ป) ตระหนักถึงความสำคัญและถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดในสิทธิความเป็นส่วนตัวของผู้สมัครงานและผู้ฝึกงานซึ่งถือเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ด้วยเหตุนี้ บริษัทจึงใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่าที่จำเป็นและภายใต้ขอบวัตถุประสงค์ของกิจการ เท่านั้น
เพื่อรับรองและให้ความเชื่อมั่นต่อท่านจะได้รับความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด จึงได้จัดทำนโยบายความเป็นส่วนตัว สำหรับผู้สมัครงานและผู้ฝึกงานทุกท่าน (HR Privacy Policy) ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และแจ้งให้ท่านทราบเกี่ยวกับรายละเอียดและวัตถุประสงค์ในการจัดเก็บ รวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ตลอดจนสิทธิและหน้าที่ต่าง ๆ ที่ท่านเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลพึงได้รับตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
1. ความหมายของข้อมูลส่วนบุคคล
ข้อมูลส่วนบุคคลแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังต่อไปนี้
1.1 ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลของคนที่มีชีวิตอยู่ โดยสามารถระบุตัวตนของบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม เช่น ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ อีเมล หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน เป็นต้น
1.2 ข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหว (Sensitive Personal Data) หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลที่ต้องได้รับความคุ้มครองเป็นพิเศษในการจัดเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลประเภทนี้ เช่น ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรมและข้อมูลชีวภาพ
2. ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวมจากท่าน
ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวม ดังต่อไปนี้
● ชื่อ-นามสกุล
● รหัสประจำตัวพนักงาน
● หมายเลขประจำตัวประชาชน
● หมายเลขโทรศัพท์ , ข้อมูลบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย (ถ้ามี)
● หมายเลขบัญชีธนาคาร
● หมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร
● ที่อยู่ปัจจุบันและที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน
● ภาพถ่ายและภาพเคลื่อนไหวของพนักงาน
● ข้อมูลและประวัติของพนักงาน เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับการศึกษา ความสามารถและการพัฒนาศักยภาพ และคุณสมบัติอื่น ๆ เช่น ระดับการศึกษา วุฒิการศึกษา สถาบัน/มหาวิทยาลัย ประวัติการศึกษาประวัติการฝึกอบรม ผลการศึกษา ผลการทดสอบ ประวัติการทำงานและข้อมูลการจ้างงานในอดีตสิทธิการทำงานตามกฎหมาย คุณสมบัติด้านวิชาชีพ ความสามารถทางภาษา อื่น ๆ
● เงื่อนไขการปฏิบัติงาน เช่น สามารถปฏิบัติงานต่างจังหวัด หรือทำงานนอกสถานที่
● ข้อมูลคู่สมรส บุตร บิดา มารดา หรือผู้ที่บริษัทสามารถติดต่อได้กรณีฉุกเฉิน เช่น ชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ปัจจุบัน หมายเลขโทรศัพท์ เป็นต้น
● ข้อมูลสมาชิกในครอบครัว หรือผู้อยู่ในความดูแลของท่าน (ถ้ามี)
● ข้อมูลบุคคลที่อ้างถึง หรือผู้ที่สามารถติดต่อได้ (กรณีฉุกเฉิน) เช่น เช่น ชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ปัจจุบัน หมายเลขโทรศัพท์ เป็นต้น
● ข้อมูลเกี่ยวกับภาระทางทหาร
● ความสามารถในการขับขี่ยานพาหนะ, ใบอนุญาตขับขี่ยานพาหนะ
● ข้อมูลสุขภาพและประวัติทางการแพทย์ ด้านสวัสดิการพนักงานตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน, การรักษาพยาบาลและการใช้สิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาล (ประกันสังคม) เป็นต้น
● ข้อมูลลายนิ้วมือหรือข้อมูลติดตามตัวผ่านอุปกรณ์สื่อสารพกพา เพื่อบันทึกเวลาเข้า-ออก การปฏิบัติงาน (กรณีขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่านเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล)
● ข้อมูลประวัติอาชญากรรม กรณีขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งนำมาแสดงหรือยินยอมให้ตรวจสอบจากหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย เพื่อใช้พิจารณาถึงความเหมาะสมในการรับเข้าทำงาน ซึ่งบริษัทจัดให้มีมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวตามที่กฎหมายกำหนด
กรณีที่มีความจำเป็นหรือเพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดตามที่กฎหมายกำหนด ก่อนการจัดเก็บ รวบรวม ใช้ และประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหวของท่าน บริษัทจะขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่านก่อน ด้วยเหตุนี้ บริษัทได้จัดให้มีมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหวอย่างเคร่งครัด เพื่อรักษาผลประโยชน์ของท่านเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลอย่างสูงสุดและเคร่งครัด
3. แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ดังวิธีการต่อไปนี้
● ข้อมูลส่วนบุคคลโดยตรง ได้แก่ ใบสมัครงานที่บริษัทส่งให้กับท่านแบบปกติและแบบอิเล็กทรอนิกส์ เช่น การรับสมัครงานผ่านแพลตฟอร์มเว็บไซต์ของบริษัท, การส่งใบสมัครงานทางไปรษณีย์และการสมัครงาน walk-in ด้วยตนเองที่สำนักงานแห่งใหญ่ของบริษัท เป็นต้น
● ข้อมูลส่วนบุคคลทางอ้อม ได้แก่ ใบสมัครงานที่ท่านส่งให้กับบริษัทที่ให้บริการด้านรับจัดหางาน, หน่วยงานหรือองค์กรใด ๆ เพื่อให้บริการรับปรึกษาและให้คำแนะนำด้านรับจัดหางาน เป็นต้น
4. วัตถุประสงค์ในการจัดเก็บ รวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทดำเนินการจัดเก็บ รวบรวม ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลท่านเท่าที่จำเป็นและภายใต้ขอบวัตถุประสงค์ที่กฎหมายกำหนดในการดำเนินธุรกิจและส่งมอบบริการที่ดีที่สุดให้กับท่าน ;
● เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย (Legitimate Interests) โดยไม่กระทบต่อสิทธิขั้นพื้นฐานใด ๆ ต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
● เพื่อปฏิบัติตามสัญญา กรณีที่ท่านเป็นคู่สัญญาหรือเพื่อใช้ดำเนินการตามคำร้องขอของท่านก่อนทำสัญญา
● เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย หรือเพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของผู้สมัคร
บริษัทอธิบายรายละเอียดการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและฐานการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ชอบธรรม (Lawful Basis of Processing) และมีความจำเป็นต่อการใช้และประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในแต่ละชนิดหรือประเภทของกิจกรรมเพื่อส่งมอบบริการที่ดีที่สุดให้กับท่าน รายละเอียดตามตารางดังต่อไปนี้
วัตถุประสงค์ในการจัดเก็บ รวบรวม ใช้ ข้อมูลส่วนบุคคล
|
ฐานการประมวลผล ข้อมูลส่วนบุคคลที่ชอบธรรม (Lawful Basis of Processing)
|
ประเภทข้อมูลส่วนบุคคล ที่จัดเก็บ รวบรวม ใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
|
1) เพื่อติดต่อสรรหาและคัดเลือกผู้สมัครงานที่มีคุณสมบัติและเงื่อนไข ตรงตามที่กำหนดและพิจารณาคัดเลือกแต่งตั้ง บรรจุ และว่าจ้างผู้สมัครงานให้เป็นพนักงาน ลูกจ้าง ผู้ฝึกงาน หรือพนักงานและลูกจ้างชั่วคราว
|
เพื่อความจำเป็นต่อการปฏิบัติตามสัญญา หรือเพื่อใช้ดำเนินการตามคำร้องขอ ของผู้สมัครงานก่อนเข้าทำสัญญาว่าจ้างงาน หากเจ้าข้องข้อมูลส่วนบุคคลไม่ให้ความยินยอมให้ข้อมูลนี้จะทำให้บริษัทไม่สามารถดำเนินการให้เป็นไปตามสัญญาจ้างงานได้
|
- ชื่อ-นามสกุล
- รหัสประจำตัวพนักงาน
- หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน
- หมายเลขโทรศัพท์
- ที่อยู่ปัจจุบัน และที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน
- หมายเลขบัญชีธนาคาร
- หมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร
- ประวัติการศึกษา/ประวัติการทำงานในอดีตที่ผ่านมา
- ข้อมูลสุขภาพ/ประวัติด้านการแพทย์(กรณีขอความยินยอม)
- ข้อมูลลายนิ้วมือ (กรณีขอความยินยอม)
- ข้อมูลภาพจำลองใบหน้า (กรณีขอความยินยอม)
- ข้อมูลการติดตามตัว ผ่านอุปกรณ์สื่อสารพกพา (กรณีขอความยินยอม)
- ข้อมูลประวิติอาชญากรรม (กรณีขอความยินยอม) - ข้อมูลประวิติอาชญากรรม (กรณีขอความยินยอม)
|
2) เพื่อทำสัญญาจ้างงานพนักงานหรือลูกจ้างใหม่ (ประจำและชั่วคราว) รวมทั้ง ผู้ฝึกงาน
|
3) เพื่อให้สิทธิและสวัสดิการรักษาพยาบาลและความคุ้มครองทางสังคมเท่าที่จำเป็นตามกฎหมายแรงงานและสวัสดิการทางสังคม
|
เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายแรงงาน การให้สิทธิและสวัสดิการรักษาพยาบาลและการคุ้มครองทางสังคมเท่าที่จำเป็นตามกฎหมายแรงงานและสวัสดิการทางสังคม เนื่องจากเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหวจึงจัดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลสารสนเทศตามมาตรฐานและอยู่ในระดับที่สูงขึ้น เพื่อคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
|
4) เพื่อบริหารงานด้านทรัพยากรบุคคลสำหรับการพัฒนาศักยภาพของผู้สมัครงาน หรือพนักงานใหม่ ผ่านระบบแอปพลิเคชัน เครื่องมือ แบบสอบถามและบริการต่างๆ ของบริษัท เป็นต้น
|
เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อการบริหารงานด้านทรัพยากรบุคคล เพื่อพัฒนาศักยภาพพนักงานและองค์กร เพิ่มประสิทธิภาพขององค์กร การฝึกอบรมพนักงาน การรับสิทธิประโยชน์ของพนักงาน การประเมินผลการปฏิบัติงาน การเลื่อนตำแหน่งงาน การบริหารโครงสร้างอัตราเงินเดือน และการบันทึกวันเวลาปฏิบัติงาน วันลา วันหยุด และการปฏิบัติงานล่วงเวลา
|
บริษัทอาจใช้ฐานการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ชอบธรรมมากกว่าหนึ่งฐานในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในแต่ละกิจกรรมของบริษัทที่ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
5. การเปิดเผยหรือแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคล
1. บริษัทอาจเปิดเผยหรือแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับบุคคลภายนอก ดังต่อไปนี้
● บริษัทในเครือ
● โรงพยาบาล หรือหน่วยงานด้านสุขภาพที่ดำเนินการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล หรือสำนักงานประกันสังคม
● หน่วยงานกำกับดูแล เช่น สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล กระทรวงแรงงาน เป็นต้น
● บุคคลและนิติบุคคล ที่ไม่ใช่บริษัทในเครือ (เอพีกรุ๊ป) เช่น บริษัทรักษาความปลอดภัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อขอตรวจสอบประวัติอาชญากรรม สถาบันการเงิน ผู้พัฒนาระบบสารสนเทศ เป็นต้น
บริษัทกำหนดให้บุคคลภายนอกที่บริษัทเปิดเผยหรือแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามที่กล่าวมาแล้วนั้น ต้องเก็บรักษาความลับและคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามมาตรฐานที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศไทยกำหนดและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้เท่าที่กำหนดไว้ภายใต้ขอบวัตถุประสงค์ หรือมีคำสั่งให้บุคคลภายนอกดำเนินการเท่านั้น
2. บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย (กรณีร้องขอ) เช่น เพื่อป้องกันการถูกข่มขู่ต่อชีวิตและร่างกายเพื่อบังคับใช้และดำเนินการตามกฎหมาย การตั้งข้อหาหรือฐานความผิด การใช้สิทธิใด ๆ ทางกฎหมาย การป้องกันการฉ้อโกง เป็นต้น
6. การจัดเก็บรวบรวม และระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจัดเก็บ รวบรวม ใช้ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในระบบฐานข้อมูลและงานสารสนเทศภายในของบริษัท อีกทั้งได้จัดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเป็นระบบและมีมาตรฐาน ตลอดจนมีระยะเวลาในการจัดเก็บรักษาอย่างเหมาะสมตามวัตถุประสงค์เพื่อให้ระบบข้อมูลและงานสารสนเทศ ตลอดจนการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ของท่านได้รับความปลอดภัยอย่างเคร่งครัดและสูงที่สุด ดังมาตรการต่อไปนี้
● จำกัดสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่าที่จำเป็น โดยอนุญาตให้เข้าถึงได้เฉพาะ พนักงาน ตัวแทน คู่ค้า หรือบุคคลภายนอก เท่านั้น การเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลภายนอ อาจทำได้เท่าที่มีสิทธิหรือคำสั่งซึ่งบุคคลภายนอกจะต้องมีหน้าที่เก็บรักษาข้อมูลความลับและคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด
● จัดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเป็นระบบและการจัดการทางเทคโนโลยีอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการเข้าสู่ระบบทางคอมพิวเตอร์ที่ไม่ได้รับอนุญาต
● ทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน กรณีที่ไม่มีความจำเป็นในการจัดเก็บ รวบรวม ใช้ ตามวัตถุประสงค์แห่งกฎหมายและกิจการในธุรกิจอีกต่อไป เพื่อความปลอดภัยต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
● จัดให้มีมาตรการและวิธีการจัดการข้อมูลส่วนบุคคล กรณีหากเกิดเหตุการณ์ละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล หรือกรณีที่ต้องสงสัยและต้องดำเนินการแจ้งเหตุการละเมิดของมูลส่วนบุคคลต่อ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด
ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
● บริษัทจัดเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นระยะเวลา 3 ปี นับจากการพ้นสภาพพนักงานบริษัท หรือระยะเวลาเท่าที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของข้อมูลส่วนบุคคลแต่ละประเภทตามที่กฎหมายกำหนดไว้
● หากไม่สามารถกำหนดระยะเวลาการจัดเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลได้อย่างชัดเจน บริษัทจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้เป็นระยะเวลา 5 ปี นับจากวันที่สัญญาจ้างสิ้นสุดลง เพื่อประโยชน์ในการใช้สิทธิเรียกร้องต่อการสู้คดี บริษัทอาจจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ตามเวลาที่คาดหมายได้ตามมาตรฐานแห่งการเก็บรวบรวม โดยจะไม่เก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเกินกว่าระยะเวลา 10 ปี นับแต่คดีถึงที่สุด
7. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
ท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิดำเนินการตามวัตถุประสงค์และขอบเขตเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด เพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างเคร่งครัดดังต่อไปนี้
1. ท่านมีสิทธิเพิกถอนความยินยอม (Right to withdraw Consent) ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไว้กับบริษัท ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกจัดเก็บรวบรวมไว้กับบริษัท
2. ท่านมีสิทธิเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของตัวท่านเอง (Right of Access) และขอให้บริษัททำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลให้กับท่าน รวมถึงขอให้บริษัทเปิดเผยเหตุแห่งการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอมไว้กับบริษัท
3. ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง หรือเพิ่มข้อมูลใด ๆ ที่ไม่ครบหรือไม่สมบูรณ์ (Right to Rectification)
4. ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทดำเนินการลบข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยเหตุบางประการได้ (Right to Erasure)
5. ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยเหตุผลบางประการได้ (Right to Restriction of Processing)
6. ท่านมีสิทธิโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่เคยให้ไว้กับบริษัท ไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลรายอื่นๆหรือตัวท่านเองด้วยเหตุผลบางประการได้ (Right to Data Portability)
7. ท่านมีสิทธิคัดค้านการประมวลผลข้อมูลของท่านด้วยเหตุผลบางประการได้ (Right to Object)
บริษัทจะพิจารณาและดำเนินการตามคำร้องขอโดยเร็วภายในระยะเวลา 30 (วัน) นับแต่วันที่บริษัทได้รับคำร้องขอจากท่านตามสิทธิที่กล่าวมาข้างต้น เพื่อให้เป็นไปตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดไว้
8. การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงและแก้ไขนโยบายความเป็นส่วนตัว
นโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้จัดให้มีการทบทวนและตรวจสอบอยู่เป็นประจำและสม่ำเสมอ เพื่อให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์และเงื่อนไขการจัดเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและเพื่อความโปร่งใสชัดเจนต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
กรณีหากมีการแก้ไข เปลี่ยนแปลง ปรับปรุงนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ บริษัทจะประกาศให้ท่านทราบผ่านทางแพลตฟอร์มอื่นใด เช่น เว็บไซต์ของบริษัท หรือแพลตฟอร์มอื่นใดของบริษัทและบริษัทในเครือ ซึ่งท่านควรเข้ามาตรวจสอบการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัวอยู่เป็นครั้งคราว ซึ่งนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับใหม่นี้ให้มีผลบังคับใช้บังคับทันทีในวันที่ออกประกาศ
9. ช่องทางการติดต่อ
รายละเอียดผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ (เอพี กรุ๊ป)
สถานที่ติดต่อ :170/57 อาคารโอเชี่ยนทาวเวอร์ 1 ชั้น 19 ถนนรัชดาภิเษกตัดใหม่ แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร 10110
หมายเลขโทรศัพท์ :02-261-2518
E-mail :recruit@apthai.com